กระจกตาบาง เกิดจาก ขยี้ตาแรงๆผลกระทบย่อมตกอยู่ที่ดวงตา โดยยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ขยี้ตาหลายครั้ง มีลักษณะแลเห็นไม่ค่อยชัด แสบตา ตาสู้แสงสว่างมิได้ แถมยังจะต้องแปลงแว่นตาอันใหม่เรื่อยจะต้องเช็กแล้วล่ะจ้ะว่าตนเองกำลังเริ่มจะมีสภาวะกระจกตาโก่ง หรือที่การแพทย์เรียกว่า อยู่หรือไม่ แล้วสภาวะกระจกตาโก่ง เป็นยังไง อันตรายมากขนาดไหน พวกเรามารู้จะไปพร้อมเพียงกันเลย กระจกตาโก่ง เป็นยังไง กระจกตาโก่ง หรือภาษาอังกฤษแล้วก็ด้านการแพทย์เรียกว่า หมายถึงภาวการณ์เปลี่ยนไปจากปกติของกระจกตา ด้วยเหตุว่ากระจกตามีลักษณะบางลง ทำให้กระจกตายื่นมาด้านหน้าเป็นทรงกรวย ไม่เหมือนกับกระจกตาธรรมดาที่จะมีทรงกลมหรือทรงรีนิดหน่อย
PRK (Photorefractive Keratectomy) เป็นอย่างไรPRK (Photorefractive Keratectomy) เป็นการรักษาภาวการณ์สายตาไม่ปกติ รวมทั้ง สายตาสั้น สายตายาวแต่กำเนิด สายตาเอียง แล้วก็สายตายาวตามอายุ โดยการใช้ Excimer Laser ขัดเนื้อกระจกตาชั้นกึ่งกลาง โดยไม่มีวิธีการแยกชั้นกระจกตา PRK เป็นการรักษาสภาวะสายตาแตกต่างจากปกติแนวทางแรกๆเป็นแนวทางที่มีมาก่อนการรักษาสายตาแตกต่างจากปกติด้วยแนวทาง LASIK และก็ยังคงใช้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ PRK เป็นอีกหนึ่งลู่ทางสำหรับคนที่มีกระจกตาบาง และไม่สามารถรักษาสภาวะสายตาแตกต่างจากปกติด้วยแนวทางอื่นๆได้ PRK เพิ่มจังหวะสำหรับเพื่อการเลี้ยงชีพบางอาชีพ สำหรับคนที่มีสายตาไม่ปกติ เป็นต้นว่า สอบนักบิน ทหาร ตำรวจ อื่นๆอีกมากมาย
แนวทางรักษาสายตาเปลี่ยนไปจากปกติอีกแนวทางหนึ่งที่คล้ายกับแนวทางเลสิก กระจกตาบาง เกิดจาก
แต่ว่าต่างกันที่ แนวทาง PRK นั้น จะไม่มีวิธีการแยกชั้นกระจกตาเสมือน LASIK โดยวิธีการทำ จะเริ่มจากการลอกผิวกระจกตา (Epithelium) ที่อยู่ข้างนอกสุดของกระจกตาออกก่อน หลังจากนั้นจะใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ไปปรับความงอของผิวกระจกตา แนวทางแบบนี้เหมาะกับคนที่มีปัญหากระจกตาบาง หรือบุคคลบางอาชีพ อาธิ ทหาร นักบิน อย่างไรก็แล้วแต่ ช่วงเวลาสำหรับการฟื้นแล้วก็การหายของแผลสำหรับวิธี PRK จะยาวนานกว่าแนวทางเลสิค ข้างหลังผ่าตัดจะต้องใช้ยาหยอดตาที่มีสารในกรุ๊ปสเตียรอยด์ข้างหลังการผ่าตัด จึงต้องควรได้รับการตำหนิดตามผลของการรักษาอย่างสม่ำเสมอแล้วก็สนิทสนมเป็นระยะเวลาหนึ่ง
โรคกระจกตาโก่ง หรือกระจกตาย้วยโรคกระจกตาโก่งหรือ keratoconusหมายถึงโรคที่มีลักษณะของกระจกตาบางลงเรื่อยร่วมกับการโก่งนูนของกระจกตาเป็นรูปกรวย (มองรูป) มีเหตุมาจากมีความผิดธรรมดาของเส้นใยคอลลาเจนของกระจกตา ทำให้กระจกตาไม่แข็งแรงก็เลยถูกดันให้โก่งนูนออกมา ลักษณะทางร่างกายตอนของตาส่วนที่สำคัญสำหรับการทำเลที่ตั้งสิกคือ ส่วนที่เป็นรอบๆตาดำของพวกเรา หรือที่เรียกว่ากระจกตานั่นเอง กระจกตาโดยธรรมดามีความครึ้มเฉลี่ยราวๆ 530-550 ไมครอน
หรือโดยประมาณ 0.5 มม. ถ้าเกิดมีความดกน้อยกว่า 500 ไมครอนนับว่ามีกระจกตาบาง โรคของกระจกตาที่ทำให้มีกระจกตาบางที่พบได้มากตัวอย่างเช่นโรคกระจกตาโก่งหรือย้วย โรคกระจกตาย้วย หรือ โรคกระจกตาโก่ง หรือที่มีชื่อเสียงกันในชื่อ โรคกระจกตาปวกเปียก ลักษณะโรคนี้ ในตอนแรก ผู้เจ็บป่วยจะมีปัญหาเรื่องสายตาสั้น แล้วก็จะสั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามมาด้วยสายตาเอียง รวมทั้งเอียงเพิ่มมากขึ้น กระจกตาย้วย ภาวการณ์ไม่ปกติขององค์ประกอบกระจกตา ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการมองมองเห็น ทำให้ภาพเบลอ เหยเก ดวงตาไวต่อแสงสว่าง ปัญหากลุ่มนี้จัดคือปัญหาที่รุนแรง ด้วยเหตุว่าดวงตายอดเยี่ยมในอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย แล้วก็มีส่วนสำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวัน พวกเราจะต้องเรียนโรคนี้อย่างรอบคอบ เพื่อนำไปสู่การกระทำที่สมควร ถูกทาง
กระจกตาย้วย (Keratoconus)กระจกตาย้วย กระจกตาโก่ง (Keratoconus)เป็นภาวการณ์เปลี่ยนไปจากปกติของกระจกตา ด้วยเหตุว่ากระจกตามีลักษณะบางลงเรื่อยร่วมกับการโก่งนูนของกระจกตาที่ยื่นมาด้านหน้าเป็นทรงกรวย ซึ่งเป็นผลมาจากความผิดแปลกของเส้นใยคอลลาเจนของกระจกตา ทำให้กระจกตาไม่แข็งแรงก็เลยถูกดันให้โก่งนูนออกมา แตกต่างจากกระจกตาธรรมดาที่จะมีทรงกลมหรือทรงรีบางส่วน
กระจกตาย้วย มีเหตุที่เกิดจากเหตุผลใด
ภาวการณ์กระจกตาย้วยมีเหตุที่เกิดจากเส้นใยคอลลาเจนอ่อนแอ หรือ คอลลาเจนในชั้นกึ่งกลางของกระจกตามีการเรียงหน้าที่ไม่ถูกไป ไม่บ่อยนัก แล้วก็ถ้าหากไม่รีบรักษา ปลดปล่อยให้เกิดภาวะนี้นานๆกระจกตาบางชั้นอาจมีการฉีกขาด กำเนิดเป็นแผลในลักษณะฝ้ายาว รวมทั้งเบาๆหลุดไปในระหว่างความเคลื่อนไหวของเนื้อกระจกตา ทำให้กระจกตาบางลงเรื่อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบๆกึ่งกลางหรือค่อนมาทางข้างล่างนิดหน่อย ทำให้กระจกตายื่นปูดออกมาด้านหน้า นำมาซึ่งการก่อให้เกิดสภาวะตาสั้น – เอียงมากเพิ่มขึ้น ทำให้สายตามัวลง แลเห็นไม่ชัดเจน จนถึงจะต้องแปลงแว่นตาเป็นประจำ กระจกตาบาง เกิดจาก
โดยที่มาของสภาวะกระจกตาย้วย อย่างเช่น
- พันธุกรรม
- การขยี้ตาแรงเสมอๆเป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆพบบ่อยในผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ขึ้นตา
- เจอร่วมกับบางโรค อาทิเช่น ดาวน์ซินโดรม โรคหนังยืดไม่ดีเหมือนปกติ โรคหืด
- ไม่เคยรู้ปัจจัย
- รับรังสีรังสีเหนือม่วงจากแสงแดดมากจนเกินความจำเป็น
อาการชอบเริ่มเป็นในตอนวัยรุ่น อายุ 10กว่าปีขึ้นไป เริ่มต้นบางทีอาจไม่มีอาการ แต่ว่าเมื่อกระจกตาโก่งเยอะขึ้นเรื่อยๆจะมีลักษณะอาการตามัว สายตาเปลี่ยนจำต้องแปลงแว่นเสมอๆมีสายตาสั้น สายตาเอียงเอียงมากขึ้นมากมายเปลี่ยนไปจากปกติ เห็นภาพเหยเก สวมแว่นแล้วยังไม่ชัดเจน มีลักษณะสู้แสงสว่างมิได้ ในบางบุคคลถ้าหากเป็นน้อย บางทีอาจไม่มีอาการ รวมทั้งคงเดิมอยู่แบบนั้น รวมทั้งมักรู้เมื่อมาตรวจประเมินภาวะตาเพื่อทำเลที่ตั้งสิก โดยมากมักเป็นทั้งคู่ตา เจอในสตรีมากยิ่งกว่าเพศชาย มีแถลงการณ์ว่าเจอได้โดยประมาณ 1ใน 2000คน ในบางบุคคลที่เป็นมากกระจกตาจะบางลงจนกระทั่งบวมน้ำแล้วก็แตกได้ กำเนิดเป็นแผลเป็นที่กระจกตา ทำให้การมองมองเห็นห่วยแตกลง สายตามัวลงเรื่อยเห็นภาพไม่แน่ชัดตั้งแต่วัยรุ่นเคืองตา แสบตา รวมทั้งตาสู้แสงสว่างได้ไม่ดีนักมีสายตาสั้นแล้วก็เอียงค่อนข้างจะมากมาย โดยจะเยอะขึ้นเรื่อยๆอย่างเร็ว จำเป็นต้องแปลงแว่สายตาบ่อยๆถ้ามีลักษณะอาการเป็นมาก กระจกตาจะบางลงกระทั่งบวมน้ำรวมทั้งแตกได้ กำเนิดเป็นแผลเป็นหนกระจกตา ทำให้การมองมองเห็นห่วยแตกลงปวดหัวร่วมกับปวดตา
การวิเคราะห์ มักตรวจเจอจากการตรวจประเมินภาวะตาเพื่อทำเลที่ตั้งสิก ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้แสกกลางนกระจกตา หรือที่เรียกว่า corneal topography ที่สามารถถ่ายรูปกระจกตาแล้วก็ให้เนื้อหาสาระเกี่ยวกับรูปร่างของกระจกตาอย่างระมัดระวัง ผู้ใดที่เสี่ยงกระจกตาย้วยฝูงคนที่มีความเสี่ยงต่อภาวการณ์กระจกตาย้วย กระจกตาโก่ง เป็นมีการเปลี่ยนทางส่วนประกอบด้านในกระจกตาทำให้กระจกตาบาง แล้วก็โก่งออก นำมาซึ่งการทำให้มีการเห็นที่ไม่ปกติ มีสายตาสั้น สายตาเอียง ความรู้ความเข้าใจสำหรับการเห็นลดน้อยลง โรคนี้พบได้บ่อยในช่วงอายุยังน้อย 10 กว่าปี แล้วก็จะมีลักษณะร้ายแรงในช่วงอายุ 20-39 ปี แม้กระนั้นบางรายบางทีอาจใช้เวลาหลายสิบปี ก็เลยจะมีลักษณะอาการร้ายแรง
กลุ่มชนที่เสี่ยงเป็นกระจกตาย้วย กระจกตาโป่ง มีดังนี้
คนที่ชอบขยี้ตาเสมอๆโดยยิ่งไปกว่านั้นคนเจ็บโรคภูมิแพ้ที่มีลักษณะคันตามากๆแล้วก็ชอบขยี้ตา กระจกตาบาง เกิดจาก ด้วยการใช้ข้อนิ้วกดลูกตาคนที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆก็อาจจะทำให้คอลลาเจนในกระจกตาบางลงได้คนที่มีปัญหาสายตาสั้นหรือเอียง โดยมีค่าสายตาสั้นหรือเอียงมากขึ้นอย่างเร็ว (โดยประมาณ 100 หรือ -1.0 ต่อปี) กระทั่งจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแว่นตาบ่อย คนเจ็บโรคดาวน์ซินโดรม มีการเสี่ยงภาวการณ์กระจกตาโก่งมากยิ่งกว่าคนธรรมดาทั่วไป คนเจ็บโรคเยื่อเกี่ยวข้อง อันเป็นต้นว่า กรุ๊ปคนป่วยกล้ามเส้นเลือด น้ำเหลือง รวมทั้งเส้นประสาททั้งหลายแหล่ ซึ่งมั่นใจว่าโรคกลุ่มนี้อาจจะก่อให้คอลลาเจนมีการเรียงหน้าที่ไม่ดีเหมือนปกติไปผู้เจ็บป่วยโรคที่เจอตั้งแต่เกิด ได้แก่ โรคหนังยืดไม่ปกติ (Ehlers Danlos), โรคกระดูกเปราะพันธุกรรม (Osteogenic imperfecto) หรือโรคคุณครูซอง (Crouzon syndrome) ก็เจอสภาวะกระจกตาโก่งได้มากกว่าคนสามัญ
การตรวจวินิจฉัยโรคกระจกตาย้วย
โดยธรรมดาแล้วโรคกระจกตาย้วย กระจกตาโป่งนั้นชอบถูกตรวจเจอโดยบังเอิญจากการที่คนไข้เข้ารับการดูแลรักษาโรคตาอื่นๆหรือ เพื่อทำเลที่ตั้งสิก และก็หมอรักษาสายตามีความข้องใจถึงภาวการณ์กระจกตาโก่ง ก็เลยเอามาวัดสายตาขั้นที่ลึกกว่าธรรมดาด้วยเครื่อง Corneal topography ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ซึ่งสามารถตรวจตราแผนที่ความงอนูนของกระจกตาอย่างถี่ถ้วน การวิเคราะห์โรคกระจกตาย้วย กระจกตาโก่ง หมอรักษาสายตาจะซักเรื่องราวรวมทั้งตรวจสุขภาพของคนป่วย รวมทั้งซักเรื่องราวโรคกระจกตาย้วยของคนภายในครอบครัว อีกทั้งมีการตรวจคว ามโค้งนูนของกระจกตาผู้เจ็บป่วย โดยแนวทางที่หมอรักษาตาใช้
การดูแลและรักษา สังกัดความร้ายแรงของโรค มีหลายแนวทาง
ถ้าอาการไม่มากมาย บางทีอาจปรับแก้ให้แลเห็นได้ดิบได้ดีขึ้นด้วยการใส่แว่น ใส่คอนแทคเลนส์ ซึ่งมีคอนแทคเลนส์แบบพิเศษหลายแบบสำหรับคนป่วยโรคนี้ เป็นต้นว่า scleral lens , RGP lensการเปล่งแสงที่กระจกตา (corneal crosslinking ) เป็นการเปล่งแสงอัลตร้าไวโอเล็ตร่วมกับวิตามินบี (riboflavin) เพื่อทำให้เส้นใยคอลลาเจแข็งแรงขึ้น เหมาะกับผู้เจ็บป่วยที่มีกระจกตาโก่งมากขึ้นอย่างไรก็แล้วแต่ แนวทางลักษณะนี้ไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีกระจกตาครึ้มน้อยกว่า 400 ไมครอน ในผู้ที่เคยมีประวัติติดเชื้อโรคเริมที่กระจกตามาก่อน หรือผู้ที่มีการหายของแผลที่ผิวกระจกตาไม่ปกติ การผ่าตัดใส่วงแหวนที่กระจกตา (Ferrara ring) โดยวงแวนจะไปกางกระจกตา ทำให้กระจกตาแบนลงแล้วก็มีความโค้งงอใกล้เคียงธรรมดาเยอะขึ้น เพื่อสามารถสวมแว่นหรือคอนแทคเลนส์ปรับปรุงแก้ไขสายตาได้ เหมาะกับผู้ที่มีกระจกตาโก่งแต่ว่าไม่อาจจะสวมแว่นหรือคอนแทคเลนส์ให้แลเห็นดียิ่งขึ้นได้ เหตุเพราะสายตาเอียงมากจนเกินความจำเป็นหรือโก่งมากมาย https://www.selfmatters.org/
กรรมวิธีการปกป้องกระจกตาย้วย
แนวทางปกป้องกระจกตาย้วย กระจกตาโก่ง สำหรับผู้ที่มิได้มีสภาวะโรคนี้โดยกำเนิด และไม่มีปัญหาสายตาอื่นๆ กระจกตาบาง เกิดจาก ร่วมด้วย แนวทางปกป้องพื้นที่หมอรักษาสายตาชี้แนะเป็นหลบหลีกการขยี้ตาแรงๆคุ้มครองป้องกันดวงตา จากเเสงเเดดเเรงๆเเละแสงสีฟ้าจากจอคอม แล้วก็โทรศัพท์เคลื่อนที่ ไม่สมควรใส่คอนแทคเลนส์ค้างแรม ไม่ใช้สายตาหนักเกินความจำเป็น แม้อ่อนเพลียดวงตาขณะใด ให้ทดลองกลอกลูกตาไปๆมาๆ แต่ว่าไม่เสนอแนะให้กดหรือนวดดวงตาโดยตรง การรับประทานอาหารเสริมเพื่อบำรุงสายตาเกิดเรื่องที่ดี เเต่ก่อนที่จะเลือกซื้ออาหารเสริม ควรศึกษาค้นคว้าใ้ดีก่อน หรือเพื่อความเเน่ดวงใจขอคำแนะนำหมอรักษาตาก่อนที่จะเริ่มทาน สังเกตการณ์เปลี่ยนของค่าสายตาสั้น แล้วก็เอียงข้างใน 1 ปี โดยค่าของสายตาไม่สมควรแปลงมากยิ่งกว่า 50-100 ด้านใน 1 ปี มิฉะนั้นให้รีบขอคำแนะนำหมอโดยทันที